เปิดไอเดียแต่งบ้าน สไตล์ไหน? เป็นตัวเองที่สุด
เชื่อมั้ยคะ? ว่าบ้านมีแรงดึงดูด…
แรงดึงดูดที่นำพาให้เราและสมาชิกในครอบครัวกลับมารวมกันตัวกันได้ ในทางตรงข้ามก็อาจเป็นแรงผลักออกจากกันได้ ไม่ต่างจากขั้วแม่เหล็ก บ้านของเราจะเป็นแหล่งสร้างแรงดึงดูดหรือแรงผลักนั้นก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่หล่อหลอมรวมกันค่ะ
และหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ เริ่มต้นจากการ “สร้างบ้านให้น่าอยู่” เอาเข้าจริง…คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลูกบ้านเดี่ยวในตัวเมืองในยุคสมัยนี้อีกต่อไปแล้ว สิ่งที่พอทำได้คือการรีโนเวทบ้านเก่าที่ตกทอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ หรือ ปรับเปลี่ยนการอยู่อาศัยซะใหม่ เป็นรูปแบบขึ้นอาคารคอนโดมิเนียม ซื้อห้องชุดขนาดพอดีอยู่
การเลือกที่อยู่อาศัยว่ายากแล้ว การสร้างความเป็นบ้านให้น่าอยู่ ถูกใจและใช้ได้จริงกลับยากยิ่งกว่า หลายคนแค่คิดถึงการใช้เวลาออกแบบ เปรียบเทียบ เลือกซื้อทั้งข้าวของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ปัญหาซื้อผิดซื้อซ้ำ ย้ายเข้าย้ายออก ประเมินคร่าวๆ กว่าจะอยู่ตัวก็กินเวลามากกว่า 3 เดือน ฟังแค่นี้ก็ถอดใจยอมแพ้ เลือกที่จะอยู่กับบรรยากาศเดิมๆ ข้าวของใช้ไปเท่าที่หาได้ บ้านสวยๆ ที่เคยวาดฝันก็คงเหลือแค่ที่หลับที่นอนไปวันๆ ถ้าเป็นเช่นนี้แรงดึงดูดของบ้านของเสื่อมลงตามวันเวลาเช่นกัน
การเลือกที่อยู่อาศัยว่ายากแล้ว... การสร้าง "ความเป็นบ้าน" ให้น่าอยู่ ถูกใจและใช้ได้จริงกลับยากยิ่งกว่า
อสังหา 101 จึงหยิบยกไอเดียแต่งบ้านสไตล์ยอดนิยม แต่งง่ายไม่มีเอ้าท์ มาแบ่งปันเพื่อเป็นแนวทางการตกแต่งบ้านในฝันของเราให้ชัดเจนเสียก่อน ทั้งยังช่วยคุมโทน สร้างเอกลักษณ์ของบ้าน การคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงคอนโทรลค่าใช้จ่ายได้อยู่หมัด เรามาลองรู้จัก 8 สไตล์การตกแต่งบ้านที่ติดเทรนด์แบบขึ้นแท่นตลอดกาลกันค่ะ
1. โมเดิร์น (Urban Modern)
เรียกว่าเป็นอันดับยอดนิยม แบบ Play Safe ที่สุดไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ตาม เพราะแนว Modern ไม่ได้อิงกระแสเฉพาะกลุ่ม ไม่จำกัดอายุและเพศแต่อย่างใด งานแต่งห้องประเภทนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสภาพแวดล้อมของเทรนด์ชีวิตเมืองในยุคปัจจุบัน ผสมผสานการตกแต่งให้อารมณ์ห้องดูทันสมัยจากเส้นสายตัดเหลี่ยม ไม่ประดิษฐ์หรือแกะสลักลวดลายอะไรมาก เสริมด้วยโทนสีที่ให้ความรู้สึกกลางๆ ไม่โดดเด่น ไม่ฉูดฉาดแย่งซีนอารมณ์ของห้อง
เน้นความสะดวกสบายของเฟอร์นิเจอร์พร้อมใช้โดยรอบ อันเป็นผลมาจากชีวิตคนเมืองที่ใช้ชีวิตรีบๆ ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่มากนัก ทุกอย่างต้องหยิบคว้าใช้งานได้ง่าย และสุดท้ายสร้างบรรยากาศโฮมมี่ด้วยของแต่งบ้านตามใจ อาจจะเป็นของสะสม ของแต่งบ้านแนวๆ จากตลาดนัดมือสอง เป็นต้น
สไตล์นี้ครองใจคนมากที่สุด เพราะรูปแบบเป็นมิตรกับทุกคน ไม่ว่าใครจะไปจะมาก็ใช้งานได้ดี แถมหาซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าเซตได้ง่าย นิยมมากโดยเฉพาะแต่งคอนโดปล่อยเช่า เพียงแค่ปรับเสริมเติมแต่งนิดหน่อยจากห้องมาตรฐานโครงการก็สร้างห้องสวยได้แล้วค่ะ
2. โมเดิร์นลักชูรี่ (Modern Luxury)
แนวแต่งห้อง Luxury มีอิทธิพลมายาวนานจากหลายรูปแบบ เช่น Classical Luxury หรือ Victorian Luxury ถ้าพูดให้เห็นภาพอีกหน่อย เราอาจคิดไกลถึงพระราชวังในยุโรป ยิ่งใหญ่ หรูหรา โออ่า ประดับประดาสีทองอร่าม โคมไฟชานเดอเรียห้อยระย้า แฝงสถาปัตยกรรมวิจิตรศิลป์ วอลเปเปอร์ลาย Royal Lily แม้จะให้ความรู้สึกอลัง แต่ก็ผิดยุคไปเยอะและไม่ใช่แนวแต่งห้องที่เหมาะกับบ้านเราแน่นอนค่ะ
สไตล์การแต่งบ้านจึงปรับรูปแบบตามกาลเวลา ประยุกต์เป็นแนว Modern Luxury โดยจับบรรยากาศความหรูหรางดงามของงานออกแบบ Interior Design ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ขณะเดียวกันก็พัฒนาแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ให้ตอบสนองการใช้งานได้ทุกอริยาบท จบด้วยนวัตกรรมไฮเทคโนโลยีของอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานสะดวกสบายแค่ปลายนิ้วสัมผัส เรียกว่าคุณภาพคับแก้วหรูหราจัดเต็มสมราคา
สไตล์นี้เกาะกลุ่มตลาดบนของคนที่มีงบประมาณค่ะ คอนโดมิเนียมระดับลักชูรี่หรือโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่าสูง ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านจะอาศัยอยู่เองเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังทรัพย์สูงค่ะ
3. มินิมอล (Minimal)
กระแสน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ (Less is more) ยังคงอยู่ไม่มีตกเทรนด์ หากนึกภาพตาม Minimalism นี้ ความคิดแรกมักจะสะท้อนชัดสไตล์บ้านญี่ปุ่นแบบวิถีเซน โต๊ะเตี๊ย นั่งพื้น นอนฟูก เรียกว่าจัดวางเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นมากๆ คัดแต่สิ่งที่จำเป็น พอดีใช้เท่านั้น เน้นตกแต่งแบบสีขาวแซมสีไม้สว่างๆ เรียบง่าย สื่อถึงความสงบและเป็นระเบียบ
ทั้งนี้ เราสามารถใช้แรงบันดาลใจเหล่านี้มาปรับให้เหมาะกับตัวตนของเราได้เช่นกันค่ะ โดยการคุมโทนสี ไม่เน้นตกแต่งของกระจุกกระจิกเยอะ แต่ยังอนุญาตให้มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่จำเป็นได้บ้าง เช่น เตียง ชั้นวางของ โต๊ะทำงาน โต๊ะทานข้าว เป็นต้น
ความยากของการตกแต่งสไตล์นี้ คือ ความน้อยที่มากเกินไป ไม่ติดภาพวัตถุนิยมใดๆ เราจึงต้องเลือกสรรการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่เข้าตีม ขณะเดียวกันก็สามารถแอบซ่อนบรรจุของใช้ได้บ้าง รวมทั้งต้องวางแผนคิดก่อนซื้อเสมอ ไม่ว่าจะเป็นของแต่งบ้าน ของใช้ เสื้อผ้า ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ถ้าซื้อมาแล้ว หากหาตู้โต๊ะจัดวางไม่ได้ มีผลเท่ากับทำลายดีไซน์ห้องด้วยการวางของรกๆ ไว้กับพื้นแทนค่ะ และท้ายที่สุด คือ ต้องรักความสะอาด ขยันเก็บข้าวเข้าที่ ไม่วางทิ้งเกะกะ ปัดกวาดเช็ดล้างทุกห้องในบ้านอยู่เสมอ เพราะนิสัยของชาวมินิมอลคือความเรียบและเป็นระเบียบ ดังนั้นหากใครรักในการช้อปปิ้ง บ้าสะสมของ ไม่ชอบงานบ้าน อาจต้องพิจารณาสไตล์มินิมอลให้ดีๆ ค่ะ
สไตล์การแต่งบ้านนี้ยอดนิยมมากในหมู่เด็กรุ่นใหม่วัย Gen Z จะพบได้มากตามกระแสโซเชี่ยล ที่เริ่มต้นรีวิวแต่งห้องนอนส่วนตัว ซึ่งไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดค่ะ การแต่งบ้านไม่จำเป็นต้องบังคับรูปแบบเดียวทั่วทั้งบ้านหรือทุกห้องเสมอไป ส่วนถ้าใครนำมาปรับใช้แต่งคอนโดที่อยู่อาศัยเอง มินิมอลก็ช่วยสร้างพื้นที่ใช้สอยได้กว้างขวางขึ้นนะคะ
หาคำตอบกับตัวเองว่า... แท้จริงแล้วเรามีสไตล์การแต่งห้องที่เป็นตัวเองที่สุดอย่างไร? ให้เกิดแรงดึงดูดของบ้านน่าอยู่
4. มิด-เซนจูรี่ โมเดิร์น (Mid-Century Modern)
เสน่ห์จากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ออกแบบเป็นงานสร้างสรรค์ที่สลัดภาพเดิมๆ จากความสับสนวุ่นวาย รุนแรง กลายเป็นบทบาทใหม่ในรูปแบบเรขาคณิต เส้นสายตัดเหลี่ยมตัดกลมเสมือนความอิสระ การปลดปล่อย และความสงบ ผสมผสานกับแรงบันดาลใจทางโครงสร้างยังมีกลิ่นอายของอิฐคานเสา กระจกบานใหญ่คล้ายคลึงกับโรงงานอุตสาหกรรมในยุคนั้นๆ แต่ถึงกระนั้น ยังมีความนุ่มนวลผ่านลูกเล่นของสีจากยุคนั้น อย่างสีไม้ธรรมชาติ สีเหลืองมัสตาร์ด สีเขียววินเทจ สีส้มอิฐ ตัดเฉดให้ห้องดูอนุรักษ์นิยมแบบมีสไตล์
การแต่งบ้านสไตล์นี้สนุกกว่าที่คิด และได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่มค่ะ ต้องเป็นผู้ที่หลงรักยุคเรโทร ชอบความคลาสสิกเป็นทุนเดิม ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยีทันสมัย แค่ไม่จำเป็นต้องก้าวล้ำยุคกว่าใคร แต่เลือกเอาคาแรกเตอร์โดดเด่นของ MCM มาปรับให้เข้ากับตัวเอง ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตัวเราเองเหมาะกับดีไซน์ยุคมิดเซนจูรี่มากแค่ไหน อาจลองเปิดใจดูเสน่ห์ด้านอื่นของยุคนี้บ้าง อย่างเช่น แฟชั่นการแต่งกาย ดนตรี เครื่องเล่นแผ่นเสียง ของแต่งบ้านอย่างนาฬิกาทราย กรอบรูป หนังสือวินเทจ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ดีไซน์สวยเก๋ อาจทำให้เราหลงรักจนอยากเนรมิตบ้านไปยุคเก่าเลยก็ได้
สไตล์การแต่งบ้านนี้เหมาะกับบ้านหรือคอนโดทุกประเภท เพราะ ยืนพื้นด้วยผนังโทนสีขาว พื้นไม้ กระจกระเบียงหน้ากว้าง แล้วจึงแต่งเติมด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสันเฉพาะตัวเป็นสำคัญ หาซื้อง่าย เข้าคู่กับแนวการแต่งบ้านได้เกือบทุกแบบค่ะ เป็นไอเดียแต่งบ้านเพื่ออยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าก็ให้ความรู้สึกพิเศษทั้งคู่ค่ะ
5. ลอฟท์ (Loft)
แนวลอฟท์มักพบเห็นได้บ่อย ตามร้านคาเฟ่ ร้านกาแฟแนวๆ ย่านสุขุมวิท ร้านเสื้อผ้าบูติคย่านสยามแสควร์ หรือรีสอร์ทฟีลต่างประเทศค่ะ รูปแบบดีไซน์ คือ โชว์ปูนเปลือยขัดมัน โชว์ท้องฝ้า โชว์การลากเส้นสายของโคมไฟ เน้นสีดำเทา ยิ่งเจอสถานที่ไหนตกแต่งสวยๆ มีเซนส์การออกแบบดี เติมนิดผสมหน่อย หาลูกเล่นมาประดับร้านอย่างติดแผงไฟ ตัดสีด้วยกระถางต้นไม้สีเขียว เห็นแล้วอยากรีบคว้ากล้องมาแสนป โพสต์ลงโซเชี่ยลกันทีเดียวค่ะ
แรงบันดาลใจไอเดียของลอฟท์ มาจากช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีโรงงานรกร้างปล่อยทิ้งมากมาย จนก้าวเข้าสู่ยุคปฏิวัติจึงได้นำโรงงานเหล่านี้มาปัดฝุ่นอีกครั้ง เปิดเป็นแกลลอรี่ สำนักงาน ปรับแต่งเรื่อยมาจนกระทั่งเกิดเป็นดีไซน์ใหม่ ที่เรียกตัวเองว่าลอฟท์ขึ้น สไตล์เอกลักษณ์ของลอฟท์ คือ การการจำลองรูปแบบโกดัง คล้ายจะอุตสาหกรรมนิดๆ สไตล์อเมริกันประเทศต้นกำเนิด หน้าตาดิบเท่ห์ มีกระจกโดยรอบผนังเพื่อเปิดรับแสง หลังคาสูง แต่กลับตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์รูปทรงแบน เตี้ย ชิ้นใหญ่ หนา กว้าง เพื่อให้ล้อสายตากับดีไซน์โปร่ง โทนสีจะคุมความขรึมไว้ เช่น เทา ดำ น้ำตาล
อิทธิพลของลอฟท์รับและเข้าถึงได้ไม่ยากค่ะ หากใครคลุกคลีหาร้านกาแฟนั่งบ่อยๆ หลายครั้งก็คิดอยากตกแต่งห้องทำงานที่บ้านแนวนี้บ้าง เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูชิลเหมือนนั่งเล่นอยู่ร้านกาแฟตลอดทั้งวัน หรือมีความผ่อนคลายมากกว่าบ้านที่มีแค่ตู้เสื้อผ้ากับเตียงนอนธรรมดา ที่สำคัญสไตล์นี้โดนใจคนรุ่นใหม่ไม่น้อยค่ะ
หากใครรักบรรยากาศแนวๆ เช่นนี้ ไอเดียการแต่งห้องจะมันส์มากทีเดียวค่ะ เพราะแต่ละมุมของบ้านก็สร้างมุมสนุก เหมือนทั้งได้ใช้งาน ได้พักผ่อน ได้ไปเที่ยว ชวนเพื่อนมาสังสรรรค์ มาทำงานอ่านหนังสือด้วยกัน ก็เอ็นจอยไม่น้อยค่ะ
6. แสกนดิเนเวียน (Scandinavian)
Scandinavian อีกหนึ่งการดีไซน์ยอดนิยมตลอดกาล แม้ชื่อจะอิงความยุโรปจ๋า แต่อิทธิพลการดีไซน์ก็ใช้ได้ทั่วโลกค่ะ รูปแบบนี้จะคล้ายคลึงกับมินิมอลในความเรียบง่าย ไม่ว่าโทนสี ขาว ดำ น้ำตาล เทา และเฟอร์นิเจอร์ ที่ไม่ต้องเยอะชิ้นนัก แต่แตกต่างในเรื่องของดีไซน์ สไตล์นี้ชอบความปราณีตของเส้นสายลงบนส่วนประกอบของห้องชุด ดังเช่น สลักหน้าบานประตู หน้าบานตู้เป็นเส้นแบ่งช่อง บานหน้าต่างเองก็ดีไซน์เป็นกริดตาราง
แต่ก็ยังมีความแอบดื้ออยู่บ้างโดยเฉพาะการตัดแย้งกันของสี เช่น เฟรมหน้าต่างสีดำตัดกับสีผนังขาว ลูกบิดสีดำบนบานประตูสลักขาว หรือห้องสีขาวล้วนแต่มีบานประตูสีเทา ทั้งหมดนี้เมื่อมาแต่งรวม ก็ดูเข้ากันได้อย่างธรรมชาติ เราอาจจะอ้างอิงดีไซน์นี้ตามอพาร์ทเม้นท์หรูในนิวยอร์ก
ของตกแต่งที่เข้ากัน ก็จำพวกพรม เบาะหนัง ที่แสดงถึงความธรรมชาติและความอบอุ่นตามอิทธิพลของยุโรป
การแต่งบ้านสไตล์นี้ให้ความรู้สึกของบ้านที่ Homey และ Classy พร้อมกันทีเดียวค่ะ เป็นที่นิยมอย่างมากและที่สำคัญเป็นแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังอย่าง “IKEA” ด้วยนะคะ
7. ห้องเด็ก (Child Care)
อีกหนึ่งการบ้านสำหรับคุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะที่มีบุตรหลานเด็กเล็กในครอบครัวค่ะ เพราะการเติบโตของเด็กๆ ยังต้องมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้นำทาง เราจึงต้องศึกษาความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด ยิ่งโลกในยุคสมัยนี้เติบโตไว พัฒนาการของเด็กจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องใส่ใจด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่อาหารการกินความเป็นอยู่ แต่พัฒนาการที่เกิดจากห้องเด็กก็มีส่วนอย่างมาก ให้เด็กทั้งปลอดภัยและเติบโตอย่างมีคุณภาพค่ะ
การสร้างห้องเด็กเชิง Creative Space ถือว่าเป็นประโยชน์แก่ลูกน้อยค่ะ ยิงยาวตั้งแต่ช่วงเด็กอ่อนจนถึงวัยกำลังจดจำ เริ่มตั้งแต่การแต่งห้องตามโทนสีตามช่วงวัยเพื่อส่งเสริมด้านสมอง เฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กที่สามารถจัดวางได้เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างเช่น ของเล่น อุปกรณ์วาดภาพ ดินสอสี ซึ่งจำเป็นต่อจินตนาการและอิสระทางความคิด
การแต่งห้องเด็กหลายท่านมองว่าไม่จำเป็น เด็กสามารถนอนกับพ่อแม่ได้ หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วหลักการเลี้ยงดูของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกันค่ะ อย่างไรแล้ว เราอาจลองศึกษาข้อมูลที่น่าสนใจ และสามารถนำมาปรับแต่งใช้กับห้องหรือบางโซนบางมุมของบ้าน ย่อมเป็นเรื่องที่ดีแก่ลูกหลานของเราแน่นอนค่ะ
8. ฮวงจุ้ย (Feng Shui)
การแต่งบ้านตามฮวงจุ้ย เป็นไม้ตายสุดท้ายคู่กับคนไทยและชาวเอเชียมาช้านานเลยค่ะ เป็นสไตล์การแต่งบ้านที่จำเพาะเจาะจงตามความเชื่อของแต่ละบุคคลเท่านั้น อาจอ้างอิงจากศาสตร์ไทย จีน หรือใดๆ ก็ตาม ที่สำคัญไม่มีผิดไม่มีถูกค่ะ เน้นความสบายใจของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก ซึ่งอาจเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการดูบ้านก่อนซื้อตามความเชื่อเรื่องทิศทาง รูปแบบห้อง ประตูเข้าออก ทำเลที่ตั้ง ฯลฯ
ทั้งนี้ ก็เพื่อความสบายใจในการยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุข
ดีไซน์ประเภทนี้ไม่มีสูตรตายตัว แต่โดยหลักแล้วควรเน้นพลังงานดีในบ้าน ดังเช่น แสงอาทิตย์ส่องถึง โทนสีเสริมโชคลาภที่เหมาะกับตัวเรา การปลูกต้นไม้มงคล รวมไปถึงจัดหาสิ่งของเสริมดวงและโชคลาภมาไว้ในบ้าน ไม่ว่าจะแต่งบ้านหรือคอนโดสำหรับปล่อยเช่าหรืออยู่เองก็ตาม ต้องศึกษาที่ถูกโฉลกกับเราดีๆ นะคะ สมัยนี้ของแต่งบ้านตามฮวงจุ้ยก็มีดีไซน์สวยเก๋ทันสมัยให้เลือกหาอยู่เยอะเลยค่ะ
ค่อยๆ หาคำตอบกับตัวเองว่า แท้จริงแล้วเรามีสไตล์การแต่งห้องที่เป็นตัวเองที่สุดอย่างไรให้เกิดแรงดึงดูดของบ้านน่าอยู่ ก่อนเริ่มลงมือตกแต่งอย่างจริงจังนะคะ