fbpx

เปิดไอเดียแต่งห้องนอนเด็ก สร้างพัฒนาการสมวัย (Child Care)

4.30 min. Read

“บ้านไหนมีเด็กๆ บ้านนั้นมีชีวิตชีวา” เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ…เพราะความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาความน่ารักของเด็ก ช่วยสร้างบรรยากาศแสนสุข ความครึกครื้น เสียงหัวเราะในบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้ครอบครัว แต่อย่างไรแล้ว…ก็เป็นโจทย์ข้อใหญ่สำหรับคุณพ่อคุณแม่เช่นกัน ว่าจะดูแลลูกน้อยอย่างไรให้ถูกวิธี? การเติบโตของเด็กๆ นั้นยังต้องมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้นำทางไปอีกไกล  

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดเช่นนี้ การใช้ชีวิตก็ต้องก้าวตามทันไปด้วยเช่นกัน จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องศึกษาสิ่งดีๆ ให้แก่บุตรหลาน นอกเหนือจากการเลี้ยงดู อาหารการกิน ความเป็นอยู่แล้ว พัฒนาการของเด็กก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องใส่ใจอย่างมาก สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ นอกจากจะต้องสร้างบ้านสำหรับเริ่มต้นชีวิตครอบครัวแล้วนั้น อาจจะต้องเตรียมตัวสร้างห้องนอนสำหรับเด็กวัยฟันน้ำนมเตรียมไว้ด้วย

พัฒนาการของเด็กเริ่มต้นที่บ้านในสภาพแวดล้อมที่ดีถูกต้องตามวัย

พัฒนาการของเด็กเริ่มต้นที่บ้านในสภาพแวดล้อมที่ดีถูกต้องตามวัย ดังนั้น การสร้างห้องนอนเด็กเชิงส่งเสริมจินตนาการและการเรียนรู้ (Creative Space) ถือว่าเป็นประโยชน์แก่ลูกน้อยอย่างมากจริงๆ ค่ะ อสังหา101 จึงขอลิสต์เรื่องสำคัญๆ เพื่อเป็นไอเดียการแต่งห้องนอนเด็ก ลองศึกษาไปพร้อมกันเลยค่ะ

www.unsplash.com

หัวใจสำคัญของห้องนอนเด็ก 

โลกปัจจุบันเติบโตเร็วมาก เราจึงต้องใส่ใจกับพัฒนาการของเด็กช่วงเจริญวัยตั้งแต่ทารก-5 ขวบ ซึ่งการแต่งห้องนอนให้เด็กๆ นั้นเป็นเรื่องสนุกเพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวน่ารักๆ สีสันลายการ์ตูน เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ ของเล่น ตุ๊กตา ฯลฯ แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะจัดเต็มสิ่งของสเปะสะปะเต็มห้องไปด้วยของเล่น หรือคอกกั้นเด็กเข้าไปในห้องเพียงอย่างเดียว 

ปัจจัยสำคัญ คือ การโฟกัสที่ตัวเด็กและการละเล่น ในสภาพแวดล้อมของห้องที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่กระตุ้นการเรียนรู้แบบแอบแฝง

www.behance.net

เทคนิคแต่งห้องนอนเด็กให้เกิดพัฒนาการ

เด็กน้อยฟันน้ำนมยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อย่างเราๆ จึงต้องศึกษาและเข้าใจธรรมชาติตามช่วงวัยของหนูน้อย เพื่อสร้างห้องนอนเด็กที่เหมาะสมกันค่ะ

1.โทนสีกับการตกแต่งห้อง

พัฒนาการแรกของเด็ก เริ่มต้นจากสีที่เห็นและความหมายของแต่ละสีที่สื่อออกมา การแต่งห้องนอนเด็กท่ีเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ก็สัมพันธ์กับโทนสีห้องตามแต่ละช่วงวัยของเด็กเช่นกัน

  • ช่วงวัย แรกเกิด – 3 เดือน

เด็กจะเห็นสีพื้นฐาน คือ ขาว ดำ เทา การตกแต่งอาจเป็นจำพวกสติ๊กเกอร์เส้นสายเรขาคณิตง่ายๆ เส้นตรง วงกลม สามเหลี่ยม แปะผนังและสามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆ

  • ช่วงวัย 3 – 6 เดือน

เด็กจะเห็นสีสันได้แล้ว การตกแต่งอาจเริ่มเป็นโทนสีพื้นสว่างๆ เช่น สีเหลือง สีเขียวอ่อน ในขั้นตอนนี้เราสามารถใส่ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ อย่างโมบายล์แขวนรูปการ์ตูนเข้าไป เพื่อกระตุ้นด้านสมอง และที่สำคัญลองเปลี่ยนมุม สลับที่เปลเด็กบ้างเพื่อให้ลูกน้อยได้กระตุ้นการมองเห็น 

  • ช่วงวัย 6 – 12 เดือน

เด็กเริ่มเห็นสีสันได้มากขึ้น เราสามารถตกแต่งห้องได้หลากหลายโทนสีและหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น สติ๊กเกอร์รูปต่างๆ บนผนัง อาจเป็นเส้นสายง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ของเล่น สมุดนิทาน เพื่อพัฒนาการศักยภาพการมองเห็นให้ดีขึ้น ในขั้นตอนนี้เด็กๆ จะเริ่มสงสัยในสิ่งที่มองเห็นบ้างแล้วค่ะ

  • ช่วงวัย 1 – 2 ขวบ

หรือประมาณ 18 เดือน เด็กจะแยกความแตกต่างของสีได้แล้ว และเริ่มขีดเขียน เราอาจทาสีผนังห้องลบได้เตรียมไว้ เพราะห้องอาจถูกเนรมิตเป็นสตูดิโอย่อมๆ วาดรูปเต็มไปหมด

  • ช่วงวัย 3 – 4 ขวบ 

ช่วงวัยกำลังจดจำ เด็กจะเริ่มจำและเรียกชื่อสี หรือสิ่งต่างๆ บ้างได้แล้ว เราทยอยนำของเล่น โปสเตอร์ ตัวอักษร ตัวเลข คำศัพท์ง่ายๆ ไว้เป็นสื่อการเรียนรู้ได้เลยค่ะ

  • ช่วงวัย 5 ขวบขึ้นไป

เป็นช่วงวัยสำคัญที่เด็กแสดงคาแรกเตอร์ของตนเอง และแสดงออกเชิงความคิดสร้างสรรค์ เราควรให้อิสระแก่เด็กในการเลือกมากขึ้น อาจจะเป็นโยกย้ายสิ่งของตกแต่งห้องใหม่เอง ทั้งนี้ ก็เพื่อเห็นพัฒนาการทางบุคลิกภาพต่อไป

www.unsplash.com

2.เฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็ก

เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ควรมีขนาดไม่สูงให้เด็กเอื้อมถึงและควรปูเสื่อกันกระแทกตลอดทั้งห้อง เพื่อให้เด็กสามารถเล่นสนุกได้บนพื้นอย่างปลอดภัย เราอาจต่อเติมบ้านของเล่นหรือโซฟาบีนแบ็ก (Bean Bag) นุ่มๆ เข้าไปให้เด็กได้นั่งและปีนป่ายบ้างเพื่อพัฒนาการกล้ามเนื้อ 

องค์ประกอบที่สำคัญในห้อง นอกจากมีเตียงนอนให้เด็กพักผ่อนนอนหลับอย่างเต็มที่แล้ว และมีของเล่นต่างๆ สำหรับช่วงเวลาเล่นสนุกทั่วไปแล้ว เราควรมีชั้นหนังสือและสร้างมุมโต๊ะทำการบ้านเล็กๆ จัดวางไว้ เพราะจำเป็นอย่างมากต่อจินตนาการและปลูกฝังนิสัยรักการอ่านของเด็ก ซึ่งเราสามารถจัดสรรตารางเวลาอย่างคร่าวๆ สำหรับลูกน้อยได้ว่าเวลาไหนเริ่มเล่น เวลาไหนเริ่มเรียน

3.วิธีจัดระเบียบห้องนอนเด็ก

อันดับแรก เราควรวางแผนจัดวางรูปแบบห้องนอนเด็กอย่างง่ายๆ แยกมุมพักผ่อน มุมอ่านหนังสือและมุมของเล่นอย่างชัดเจน จากนั้นจึงเตรียมอุปกรณ์จัดของไว้อย่างถูกต้องตามจุด เช่น มุมพักผ่อนเป็นเตียงนอน มุมอ่านหนังสือเป็นชั้นวางหนังสือนิทานและโต๊ะทำการบ้านเตี๊ยๆ อาจใช้เก็บอุปกรณ์วาดเขียน ดินสอสี สมุดวาดภาพ ส่วนมุมของเล่น ควรจัดวางกล่อง ตะกร้า ชั้นวาง อันดับสุดท้าย คือ ฝึกหัดให้เด็กแยกชิ้นส่วนเอง เช่น ชิ้นที่เล่นบ่อยๆ ไว้ในตะกร้าหนึ่งหยิบง่ายๆ ด้านนอกสุด ส่วนชิ้นที่เล่นนานๆ ทีแยกไว้อีกตะกร้าวางด้านในสุด อาจแยกจากขนาดชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ หรือแยกตามสีก็เป็นได้

การฝึกให้เด็กจัดระเบียบห้องเอง จะช่วยให้เด็กอิสระทางความคิด สามารถเริ่มต้นลำดับก่อนหลัง และรู้ความหมายของสิ่งของ เป็นพัฒนาการที่ดีไปตามวัยค่ะ

เราควรส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสและมีส่วนรวมในการจัดห้องส่วนตัวของตนเอง ส่วนคุณพ่อคุณแม่มีหน้าที่ในการชี้แนะ

4.ความปลอดภัยสำคัญที่สุด

 ไม่ว่าจะช่วงวัยใดก็ตาม อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ที่บ้าน ขนาดว่าผู้ใหญ่อย่างเราๆ อาจมีซุ่มซ่ามเดินเตะมุมโต๊ะ ประตูหนีบบ้างถ้าไม่ทันระวัง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องป้องกันเหตุไว้ก่อนสำหรับลูกน้อยที่ยังไม่เข้าใจถึงภัยอันตราย ดังเช่น เราควรมีอุปกรณ์ปิดรูปลั๊กไฟป้องกันนิ้วเล็กๆ ของเด็กแหย่เข้าไปได้ ส่วนของเล่นต่างๆ นั้น ควรหาทางป้องกันเด็กเอาของเล่นเข้าปากด้วยการสับเปลี่ยนเป็นชิ้นที่ใหญ่ขึ้น 

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้จัดวางในห้องนอนเด็ก เราควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ตู้ โต๊ะ เตียงต่างๆ ที่มีความโค้งมน ไม่มีมุมตัดเหลี่ยม หรือติดซิลิโคนนุ่มกันมุมไว้ตามจุดแหลมคมต่างๆ 

ที่สำคัญ เด็กวัยเต๊าะแต๊ะกำลังหัดเดิน อาจเดินเล่นไปทั่ว ดังนั้นสิ่งของทั่วไปส่วนอื่นๆ ของบ้าน เช่น เชือก น้ำยา ของมีคม ควรเก็บแอบซ่อนแยกห้องให้สูงพ้นมือเด็กค่ะ

อย่างไรแล้ว ทางที่ดีที่สุด คือ คุณพ่อคุณแม่ควรมอนิเตอร์ดูแลลูกน้อยอย่าให้คลาดสายตาย่อมดีที่สุดค่ะ

www.pexels.com

5.พัฒนาการของห้องเด็ก

เมื่อเด็กโตขึ้น ห้องก็ควรเติบโตด้วยเช่นกัน เราควรส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสและมีส่วนรวมในการจัดห้องส่วนตัวของตนเอง ส่วนคุณพ่อคุณแม่มีหน้าที่ในการชี้แนะ แนะนำและช่วยโละสิ่งของเก่าๆ ออกไป แม้ว่าห้องอาจจะยังพอมีพื้นที่เหลือให้ใส่ของได้อีกมากก็ตาม ทั้งนี้เพื่อให้พื้นที่สร้างสรรค์นี้ต้อนรับสิ่งใหม่ที่ดีกว่ามาแทนที่ตามช่วงวัยที่เหมาะสม

ห้องนอนเด็กจำเป็นหรือไม่?

ห้องนอนเด็กเป็นพื้นที่ Creative Space ซึ่งบางครอบครัวอาจมองว่าไม่จำเป็น เด็กสามารถนอนกับพ่อแม่ได้ หรือบ้านมีพื้นที่จำกัด หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วหลักการเลี้ยงดูของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกันค่ะ อย่างไรก็ตาม เราอาจลองศึกษาข้อมูลที่น่าสนใจ และนำมาบางเรื่องมาปรับแต่งใช้กับห้องหรือบางโซนบางมุมของบ้าน ย่อมเป็นเรื่องที่ดีแก่ลูกหลานของเราแน่นอนค่ะ

สำหรับอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมในไทย ปัจจุบันนี้โครงการต่างๆ เล็งเห็นความสำคัญของเยาวชนเด็กรุ่นใหม่อย่างมาก ทั้งยังเข้าใจครอบครัวสมัยใหม่ที่เป็นครอบครัวเดี่ยว ปรับการใช้ชีวิตเป็นรูปแบบคอนโดมากขึ้น หากผู้อยู่อาศัยไม่สะดวกแต่งห้องนอนเด็กในห้องชุด ก็สามารถมาใช้บริการพื้นที่ส่วนกลางเป็นห้องเด็กเล่น สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำเด็ก สนามหญ้า ให้น้องๆ ได้มาใช้บริการ ถูกใจทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ เรียกว่ายกระดับคุณภาพชีวิตได้ดีเลยนะคะ

อสังหา101 มองว่าการแต่งห้องนอนเด็ก คือ ความสุขเพลินเพลิดและเป็นห้องที่มีชีวิตชีวาที่สุดในบ้านแล้วค่ะ หันมารักบ้านและรักผู้อยู่อาศัยร่วมกัน สร้างสรรค์ทุกพื้นที่ของบ้านด้วยความใส่ใจ จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเป็นสุขแน่นอนค่ะ




Copy link