เปิดไอเดียแต่งบ้านน่าอยู่ สไตล์มินิมอล (Minimal)
นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักคำว่า “มินิมอล” เพราะเป็นคำพูดติดปากได้ยินไปทุกหนแห่งมาหลายปีว่าเป็นพวกมินิมอล ประเภทขอน้อยๆ ไม่เยอะสิ่ง…
หากนึกภาพตามกระแสน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้นั้น ได้คลอบคลุมตั้งแต่วงการแฟชั่นการแต่งกาย เสื้อสีขาวกางเกงตัวใหญ่สีครีม หิ้วถุงผ้าเป็นอันจบออกจากบ้านได้ หรือตามร้านกาแฟก็เน้นเคาท์เตอร์เรียบๆ โต๊ะเก้าอี้สีไม้ไว้รับลูกค้า คล้ายๆ คาเฟ่นั่งชิลที่ญี่ปุ่น ส่วนสินค้ามินิมอลเริ่มพบเห็นมากจนติดเทรนด์สไตล์มูจิขึ้นมา เป็นข้าวของเครื่องใช้สีขาวใสๆ เรียบๆ เกลี้ยงเกลาไม่ต้องมีลูกเล่นซับซ้อนใส่ลายพร้อยให้รกหูรกตาอะไรเลย
Less is more เป็นคำนิยามหลักของแนว Minimalism แปลตรงๆ ว่า "น้อยคือมาก"
ที่ขาดไม่ได้ คือ การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลค่ะ เชื่อว่าภาพแรกที่เวียนเข้ามาในความคิดของทุกท่าน คือ บ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบวิถีเซน โต๊ะเตี๊ย นั่งพื้น นอนฟูก เงียบสงบและห้องโล่ง หากใครหลงรักประเทศญี่ปุ่นมากด้วยแล้ว ก็อาจติดใจสไตล์นี้โดยขอจัดมุมเล็กๆ ในบ้านให้คล้ายคลึงญี่ปุ่นไว้หน่อย ต้องยอมรับว่าของเค้าแรงจริงๆ ค่ะ
ถึงอย่างนั้น อสังหา 101ชวนทุกท่านมาล้วงลึกดูที่มาที่ไปกันหน่อยดีกว่าค่ะ ว่าแต่งบ้านสไตล์มินิมอลที่เราเข้าใจนั้นเป็นยังไงกันแน่
มินิมอลคืออะไร?
วลีฮิต “Less is more” เป็นคำนิยามหลักของแนว Minimalism แปลตรงๆ ว่า “น้อยคือมาก” หรือ น้อยแต่มากตามที่เราชอบใช้กัน ถ้าให้อสังหา101 ตีความให้เข้ากับการแต่งบ้าน คงเข้าข่ายน้อยด้วยจำนวนชิ้น (สิ่งของและภาพลักษณ์) แต่มากด้วยความรู้สึก โดยเฉพาะความรู้สึกตรงใจของผู้อยู่อาศัยนี่ละค่ะ
แรงบันดาลใจของมินิมอล
แรงบันดาลใจหลักเร่ิมต้นจากวงการศิลปะ เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่1960 โดยจิตรกรชื่อดังชาวอเมริกัน มร.แฟรงค์ สเตลล่า (Mr. Frank Stella) เป็นที่รู้จักกันในแวดวงว่าเขาคือ Minimalist Artist แต่เดิมมร.แฟรงค์ เป็นกลุ่มจิตรกรที่ไม่วาดภาพศิลปะจากสิ่งที่เห็นจำพวกบ้าน หรือ วิวทิวทัศน์ แต่เลือกวาดภาพที่ต้องใช้การตีความซับซ้อน เป็นลายเส้นสาย เรียบตรง วงกลม หรือสามเหลี่ยม ทั้งยังปฏิวัติวงการโดยการวางรูปวาดกับพื้นประหนึ่งผลงานรูปปั้น แทนที่จะแขวนบนผนังอีกด้วย
มร. แฟรงค์ เริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับศิลปะแบบ Abstract ซึ่งสุดโต่งทั้งทางอารมณ์และการแสดงออกชนิดสาดสีเทสีลงภาพวาด ยากที่จะตีความ ซึ่งถือเป็นการแสดงออกทางความรู้สึกที่เก็บกดอยู่ภายในของผู้คนในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สุดท้ายจึงได้กลับเข้าสู่ความนิ่ง เรียบ และให้ผลงานแสดงความรู้สึกถึงผู้ชมอย่างเป็นธรรมชาติง่ายๆ เอง และท้ายที่สุดได้ประยุกต์เข้าสู่ศาสตร์แขนงอื่นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
แม้ที่มาจะเกิดจากอเมริกา แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแตกแขนงของมินิมอลมาไกลทั่วโลกจริงๆ ค่ะ
หัวใจหลักของงานดีไซน์
งานดีไซน์ประเภทนี้ จะเป็นรูปแบบเรียบง่าย โปร่งโถง สะอาด ระเบียบ และคัดสรรจัดวางแต่เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น พอดีใช้เท่านั้น ในความราบเรียบนี้จึงรู้สึกกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างมาก ซึ่งดีไซน์นี้จะเกี่ยวข้องกับวัสดุประเภทไม้เป็นส่วนใหญ่ ประหนึ่งยอมรับธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งกับตัวบ้าน สิ่งทอไม่เน้นฟอกสีหรือลวดลายใดๆ ซึ่งช่วยสื่อความรู้สึกของผู้พักอาศัยกลับสู่ความง่าย ธรรมดา อบอุ่น ดูแลและฟื้นฟูกำลังใจ
ไอเดียสำคัญเพื่อการแต่งบ้านแบบมินิมอลให้ได้ผล
แม้จะดูเหมือนง่ายๆ แต่จะแต่งให้สวยก็ต้องเข้าใจแก่นของมินิมอลไว้ก่อน ถึงจะช่วยสร้างสรรค์ไอเดียการแต่งบ้านได้ดีมากขึ้นค่ะ
1.ใช้สีโทนกลางเป็นสีหลัก เพื่อคุมอารมณ์ของห้องไปในทิศทางเดียวกัน อาจใช้งานไม้สีขาวและสีไม้ธรรมชาติเป็นองค์ประกอบเพราะทั้งสองสีนี้ช่วยสร้างความรู้สึกสะอาด สบายตา อีกทั้ง มินิมอลชอบเปิดเผยพื้นที่ต้อนรับอากาศถ่ายเทเข้าบ้านอยู่เสมอ ให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกร่มเย็นเป็นสุข
2.เลือกคุณภาพมากกว่าปริมาณ เราอาจต้องเค้นความคิดและใช้เซนส์ในการตกแต่งมากกว่าปกติ ว่าสิ่งของประเภทใดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันบ้างจริงๆ สินค้าแบรนด์ใดหรือชิ้นไหนที่ยั่งยืนทนทาน และช่วยยกคุณภาพชีวิตของเราได้จริงในระยะยาว เช่น การเลือกเก้าอี้นั่งทำงานซึ่งช่วยจัดท่านั่งที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวและมีดีไซน์สวยเรียบ ราคาอาจจะสูงแต่หากเลือกชิ้นเดียวใช้ได้ 10 ปีก็คุ้มค่าที่จะลงทุนค่ะ
3.รู้จักเคลียร์ของ เหมือนคติประจำใจว่าใช้ของเก่าให้หมดหรือพังเสียก่อน จึงจะอนุญาตตัวเองซื้อชิ้นใหม่เข้ามาทดแทนของเก่า เคลียร์ของที่ไม่จำเป็น ของใช้แล้วทิ้งอยู่เสมอ เพราะมินิมอลเป็นการแต่งบ้านสำหรับของที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น
4.ง่ายเข้าไว้ หรือ “Keep It Simple” คือจิตวิทยาของมินิมอลที่ไม่ต้องวิจิตรศิลป์ เน้นความธรรมดาแต่ใช้งานได้จริง
เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง
โทนสีของมินิมอลเน้นแนวอบอุ่น จำพวก White, Cream, Black, Gray หรือไม่ก็เย็นไปเลยเช่น White, Navy Blue, Cool Gray หลายท่านเข้าใจว่าสีเฉพาะของมินิมอล คือขาวและน้ำตาลอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วมินิมอลไม่ได้ยึดติดกับสองสีนี้เสมอไป เราสามารถใช้ลูกเล่นสีอื่นเข้ามาแทนที่ได้ เช่น โทนห้องขาวดำ (Monochrome) ซึ่งปัจจุบันก็พบเห็นมากขึ้น แต่อย่างไรแล้วส่วนใหญ่จะมีแพทเทิร์นสีตัดกันในห้องไม่เกิน 3 สี เพื่อช่วยเสริมสร้างความสมดุลและความมั่นคงทางอารมณ์ของผู้อยู่อาศัยค่ะ
เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นงานไม้ เพื่อสื่อว่าธรรมชาติมีส่วนร่วมในชีวิตของเรา ไล่ตั้งแต่พื้นสีไม้โอ๊ค โต๊ะหน้าไม้ เก้าอี้ไม้มีเบาะรองนั่ง เราไม่จำเป็นต้องจำกัดรูปแบบว่านั่งพื้น นอนพื้นแบบบ้านญี่ปุ่นตามที่เข้าใจกันแต่อย่างใด มินิมอลอนุญาตให้มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่จำเป็นได้ตามการใช้งานจริง เช่น เตียง ชั้นวางของ โต๊ะทำงาน โต๊ะทานข้าว เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถตกแต่งเป็นโมเดิร์นดีไซน์ สวยเรียบทันสมัยได้ปกติ
เพราะคอนเซปต์มินิมอลไม่ใช่ความพอเพียงติดดิน แต่เป็นการคัดสรรของที่จำเป็นโดยยังคงดีไซน์สวย
เลือกเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านเท่าที่ใช้งาน และพอดีจำนวนคนเท่านั้น อย่างไรแล้วของตกแต่ง ของจุกจิกต่างๆ แทบจะไม่พบในห้องลักษณะนี้เลย ด้วยหลักการของใช้งานเท่าที่จำเป็น แต่ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เราอาจเพิ่มกระถางต้นไม้สีเขียวสบายตาไว้ตามมุมบ้างก็ได้
คอนเซปต์มินิมอลไม่ใช่ความพอเพียงติดดิน แต่เป็นการคัดสรรของที่จำเป็นโดยยังคงดีไซน์สวย
คาแรกเตอร์ของมินิมอล ง่ายแต่ก็ยาก!
สิ่งสำคัญ คือ “วางแผนคิดก่อนซื้อเสมอ”
เพราะ ความยากของการตกแต่งแบบมินิมอล คือ ความน้อยที่มากเกินไป ไม่ติดภาพวัตถุนิยมใดๆ ดังนั้นการคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ที่เข้าตีม ต้องฟังก์ชั่น ใช้งานได้จริง และมีประโยชน์หลากหลาย สามารถซ่อนของ บรรจุของได้อย่างเป็นสัดส่วน และเก็บได้มาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นของแต่งบ้าน ของใช้ เสื้อผ้า ฯลฯ หากซื้อมาแล้ว แต่ไม่สามารถหาที่จัดวางได้ เท่ากับว่าทำลายดีไซน์ห้องด้วยการวางของรกๆ ไว้กับพื้นอย่างไม่เป็นระเบียบแทน
อีกทั้ง บ้านแบบมินิมอล ต้องเลือกสรรสิ่งของอย่างระวัง แม้จะเรียบแต่ก็ราคาสูงค่ะ
ท้ายที่สุด นิสัยของชาวมินิมอล คือ ความสะอาด ความเรียบและความเป็นระเบียบ ดังนั้นหากใครรักในการช้อปปิ้ง บ้าสะสมของ ไม่ชอบงานบ้าน อาจต้องพิจารณาสไตล์มินิมอลให้ดีๆ ค่ะ
ดีไซน์มินิมอลเหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะนิสัยเรียบง่าย รักสะอาด และมีระเบียบโดยพื้นฐาน
หากใครท่องเว็บบ่อยๆ จะพบว่าสไตล์การแต่งบ้านนี้เป็นเทรนด์ที่นิยมมากในหมู่เด็กรุ่นใหม่วัย Gen Z จะพบได้มากตามกระแสโซเชี่ยล ที่เริ่มต้นรีวิวแต่งห้องนอนส่วนตัว เพราะพอหาซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบางอย่างได้ง่าย ราคาไม่สูงนัก ส่วนถ้าใครนำมาปรับใช้แต่งคอนโดที่อยู่อาศัยเอง พื้นที่จำกัด มินิมอลก็ช่วยสร้างพื้นที่ใช้สอยได้กว้างขวางมากขึ้นนะคะ แต่หากจะแต่งคอนโดปล่อยเช่านั้น อาจยังไม่เหมาะซะทีเดียว เนื่องจากผู้เช่าอาจไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรและอาจไม่ตรงรสนิยมส่วนตัวก็เป็นได้
อสังหา 101 คิดว่าแนวแต่งห้องนี้จะสวยงามและคงอยู่ได้ยาว ถ้าเรารักในรูปแบบนี้อย่างแท้จริง การแต่งบ้านเป็นเรื่องน่าสนุก ทั้งยังช่วยค้นหาตัวตนของเราได้เหมือนกันนะคะ