ห้องตัวอย่างคอนโด ต้องดูอะไร?
เคยมั้ยคะ?? ที่ต้องเออออเสร็จสรรพโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ของศัพท์แสงบางประเภทที่แปลไม่ออก แถมฟังไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องตอบรับไป
วงการคอนโดเอง ก็มีเหมือนกันค่ะ…โดยเฉพาะการคุยแบบภาษาเซลล์
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว….เสาร์นี้สะดวกมาเยี่ยมชมโครงการมั้ยคะ จะพาชม Mock Up Room ค่ะ” เซลล์คอนโดพูดจากสายโทรศัพท์ปลายทาง เชื้อเชิญลูกค้าอย่างยินดี
“ได้ค่ะ” ลูกค้าต้นสายรีบตอบรับกลับอย่างงงๆ
“โอเคค่ะ ไว้เจอกันนะคะ” เซลล์ปลายสาย จบบทสนทนาวางหูไป
ว่าแต่ Mock Up Room คืออะไรนะ? เราจะมาซื้อคอนโด แล้วต้องไปดูห้องไหนอีก ห้องนั้นคือห้องของใคร ดูทำไม? เชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยเจอสถานการณ์นี้มีคำถามในใจเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดใช่มั้ยคะ เอาล่ะ…ใจเย็นๆ ค่ะ เพื่อนๆ มือใหม่เพิ่งเริ่มส่องคอนโด มาทางนี้แล้วอสังหา 101 จะอธิบายให้ทราบกันค่ะ
ห้องตัวอย่าง
หรือชื่อเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษ คือ Mock Up Room, Show Room, Show Unit ที่สาวๆ วงการเซลล์มักเรียกชื่อกันอย่างคุ้นเคย
ห้องตัวอย่าง คือ ห้องจำลองที่ได้รับการตกแต่งเสมือนจริง มีองค์ประกอบครบทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า พร๊อพ ม่าน ของตกแต่งจุกจิก เพื่อสร้างบรรยากาศให้คล้ายกับบ้านที่พร้อมเข้าอยู่และใช้งานมากที่สุด
โดยทั่วไป ทุกโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมจะสร้างห้องตัวอย่างไว้เสมอ เพื่อช่วยส่งเสริมการขาย ให้ลูกค้าผู้มาเยี่ยมชมนึกภาพออกว่าภายหลังห้องชุดที่ได้รับการตกแต่งแล้ว ดีไซน์ความสวยงาม ตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ พื้นที่ใช้สอย จะมีสภาพเป็นอย่างไรก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
แท้จริงแล้ว…การแต่งห้องตัวอย่างต้องใช้ศิลปะในการรังสรรค์ผลงานการออกแบบภายในอย่างสูงมากทีเดียว เหมือนเป็นออเดิร์ฟน้ำจิ้มๆ ที่ดูน่ากิ๊นน่ากิน เมื่อเราเห็นแล้วต้องอยากลิ้มลองจนอยากจะสั่งอาหารจานหลักมาเติมเต็มความโหยนี้เองบ้าง เพราะเหตุนี้…ห้องตัวอย่างจึงเป็นอีกจุดเรียกความสนใจและเงินในกระเป๋าของผู้ซื้อได้ไม่น้อย จนทุก Developer ต้องยอมทุ่มทุนสร้างผลงานชิ้นเอกในห้องตัวอย่างนี้แทบทุกคอนโด
ห้องตัวอย่างจึงเป็นอีกจุดเรียกความสนใจ จนทุก Developer ต้องยอมทุ่มทุนสร้างผลงานชิ้นเอกในห้องตัวอย่างนี้แทบทุกคอนโด
ห้องตัวอย่างอยู่ที่ไหน?
เรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 กรณีค่ะ
1.กรณีคอนโดสร้างเสร็จแล้ว
แต่ยังมีห้องเหลือขายไม่หมด Developer จะสร้างห้องตัวอย่างไว้ภายในโครงการ โดยจะเลือกเนรมิตห้องว่างห้องใดห้องหนึ่ง หรือคัดสรรแต่ละประเภทห้องมาตกแต่งไว้เป็นทางเลือกหลายๆ แบบ เช่น แบบ 1 ห้องนอน หรือแบบห้องไฮบริดจ์ ฯลฯ กรณีนี้ดีเลยค่ะ เพราะเราจะเห็นของจริงทุกอย่าง คอนโดจริง สถานที่จริง ลิฟต์จริง ทางเดินจริง ไปจนถึงตัวห้องจริงๆ และวิวจริงๆ ค่ะ เรียกว่าใกล้เคียงบ้านอย่างที่คิดได้มากที่สุด
2.กรณีคอนโดอยู่ระหว่างก่อสร้าง
กรณีนี้ห้องตัวอย่างจะตั้งอยู่ในสำนักงานขาย (Sales Office) แยกโซนออกมาจากบริเวณล็อบบี้รับลูกค้า โดย Developer จะสร้างตามผังห้องจริงทุกอย่าง ตกแต่งสวยงามเช่นเคย แต่จะใช้งานเพียงชั่วคราวเท่านั้นเพราะพื้นที่สำนักงานขายตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง Developer จะต้องรื้อถอนสำนักงานนี้ทั้งหมด เพื่อกลับไปสร้างพื้นที่ใช้สอยที่ถูกต้องของโครงการตามแบบขาย และเมื่อถึงเวลานั้นเซลล์ออฟฟิศและห้องตัวอย่างก็จะไปสร้างทดแทนของเดิม อยู่ภายในตัวอาคารอย่างถาวรจนกว่าจะขายหมดค่ะ
ถึงแม้เราจะไม่ได้เห็นของจริงทั้งหมดอย่างคอนโดสร้างเสร็จแล้ว แต่ข้อดีที่ลืมไม่ได้เลย ก็คือ ราคาที่ถูกกว่านี่เองค่ะ มาตรฐานการตั้งราคาขายเมื่อโครงการสร้างเสร็จปุ๊บ ราคาก็กระโดดปั๊บตามๆ กัน
ไม่ว่าเราจะเข้าไปช่วงจังหวะไหน ต่างก็มีข้อดีคนละแบบนะคะ…
เซลล์จะพาชมห้องตัวอย่างเมื่อไหร่?
โดยเทคนิคการซื้อขายคอนโดแล้วนั้น เราจะสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้โดยการนัดหมายผ่านฝ่ายขายเท่านั้นค่ะ เริ่มตั้งแต่ช่วงที่เราอยู่ระหว่างการหาข้อมูลคอนโดต่างๆ และไปดูสถานที่จริงก่อนจะจองโครงการใดๆ เราสามารถโทรนัดวันเวลาเข้าเยี่ยมชมโครงการ เพื่อพูดคุยรายละเอียดห้องชุด ราคา และปิดท้ายให้ฝ่ายขายพาชมห้องตัวอย่างค่ะ
แล้วดูอะไร? ในห้องตัวอย่าง
เมื่อเรามีโอกาสได้ชมห้องตัวอย่างแล้วนั้น อย่าเพิ่งชื่นชมหรือคิดฝันบ้านของเราแต่อย่างเดียวค่ะ แต่มาลองสังเกตุองค์ประกอบรอบตัวกันด้วยดีกว่า ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างก่อนจะตัดสินใจซื้อคอนโดนั้นๆ นะคะ
ห้องตัวอย่างจะทำให้เห็นภาพว่าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เข้ากับพื้นที่ห้องชุดได้อย่างลงตัวหรือไม่
1.รูปแบบห้องชุด (Unit Layout)
หลายครั้งที่เราดูห้องเปล่า ซึ่งไร้การตกแต่งใดๆ เราอาจนึกภาพไม่ออกว่าหากมีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ชิ้นนั้นจัดวางเข้าไปแล้ว จะพอเหมาะพอดีกับขนาดห้องหรือไม่ ดังนั้น ห้องตัวอย่างจะทำให้ท่านเห็นภาพได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เข้ากับพื้นที่ห้องชุด หลบซ่อนเข้ามุมตามแปลนห้องได้ลงตัวหรือไม่ เบ็ดเสร็จแล้วค่อยพิจารณาว่าบรรยากาศโดยรวมของห้อง สร้างความอึดอัดคับแคบหรือโอ่โถ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
2.รายละเอียดและคุณภาพห้องชุด (Specification and Quality)
คือ งานมาตรฐานที่โครงการจัดให้ภายในห้องชุดแก่ผู้ซื้อ จำพวก ฝ้า ผนัง พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง ชุดครัว ชุดสุขภัณฑ์ ห้องน้ำ งานเฟอร์นิเจอร์บิ๊วอิน (Built-in) เครื่องปรับอากาศ ว่าวัสดุที่ใช้แข็งแรงทนทาน ดีไซน์สวยทันสมัยหรือเรียบสีพื้น เพื่อให้ง่ายต่อการตกแต่งเพิ่มเติม ยี่ห้อของแต่ละวัสดุมีชื่อเสียงน่าเชื่อถือในตลาดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพชิ้นงานนั้นๆ ด้วยค่ะ
โครงการระดับลักชูรี่ โดยมากจะใช้แบรนด์มีชื่อเสียงนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนโครงการระดับกลางลงมา มีให้เลือกหลากหลายทั้งแบรนด์นอกผลิตไทย หรือโครงการออกแบบและผลิตเอง (Custom-made) ก็มีค่ะ
3.การเก็บงาน (Defect)
เราสามารถสังเกตุงานก่อสร้าง(สถาปัตย์)และงานระบบ ว่าความเสื่อมจากการใช้งานเบื้องต้นเป็นอย่างไร อันเนื่องจากห้องตัวอย่างเป็นห้องที่มีผู้มาเยี่ยมชมตลอดทั้งวัน ความเสื่อมของการใช้งานเกิดขึ้นเร็วแค่ไหน มีจุดใดชำรุดแตกหักบ้าง พื้นยุบยวบ น้ำรั่วจากภายนอก เครื่องปรับอากาศใช้การได้ดีหรือไม่ ฯลฯ หากห้องตัวอย่างยังปรากฎงานซ่อมเหล่านี้ จะเป็นการสะท้อนคุณภาพการก่อสร้างห้องชุดว่าไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจกระทบความเป็นอยู่ และขาดความเอาใจใส่ในการแก้ปัญหาฉับไวของโครงการในอนาคตได้
ห้องตัวอย่างสะท้อนคุณภาพการก่อสร้างห้องชุด ว่าได้มาตรฐานหรือไม่...
4.ไอเดียการแต่งห้องชุด (Decoration)
โดยปกติ Developer จะว่าจ้างนักออกแบบและตกแต่งภายใน (Interior Designer) เพื่อช่วยดูแลการตกแต่งห้องตัวอย่างอยู่เสมอ ดังนั้นผลงานดังกล่าวนี้ เรียกว่าผ่านกระบวนความคิดสร้างสรรค์และใส่รสนิยมเข้าไปผสมผสานจนเกิดห้องตัวอย่างอันเป็นหน้าตาของโครงการ
ความน่าสนใจ ดังเช่น การคุมโทนสี เฟอร์นิเจอร์ที่เปลี่ยนรูปแบบอิสระได้ พร๊อพ บิ๊วอิน ก็ช่วยเพิ่มไอเดียการแต่งห้องของเราได้ หรืออาจสอบถามโครงการเพื่อใช้บริการบริษัทออกแบบดังกล่าว สั่งทำพิเศษให้ห้องเราได้โดยไม่ซ้ำใคร
ห้องตัวอย่างให้จริงหรือแค่โชว์?
ห้องตัวอย่างที่เราประทับใจในฝีมือการตกแต่งนั้น ส่วนใหญ่แต่งเต็ม! เรียกว่าใส่ข้าวของมาไม่ยั้งเพื่อให้ห้องดูกลมกลืนและสบายตาอย่างที่สุด ดังนั้น ถ้าจะพูดถึงข้าวของหรืองานก่อสร้างตกแต่งใดๆ ที่เห็นในห้องทั้งหมด คำตอบ คือ มีทั้งให้จริงและแค่โชว์ค่ะ เพราะอย่างไรซะห้องตัวอย่างก็เป็นเพียงห้องจำลองขึ้นมาเท่านั้น บางอย่างต้องใส่เสริมลงไปบ้าง เพื่อเพิ่มอรรถรสการรับชมดีๆ นี่เอง
สิ่งที่ Developer จัดเตรียมในห้องชุด คือ งานมาตรฐานโครงการ จำพวกฝ้า พื้น ผนังฉาบเรียบสีขาว ชุดครัว ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าบิ๊วอิน ประตู หน้าต่าง ระเบียง เท่านั้น ส่วนที่แค่โชว์เท่านั้น คือ งานตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว พร๊อพสิ่งของแต่งบ้าน ผนังวอลเปเปอร์ ม่าน โคมไฟ ไฟซ่อนฝ้า แผงบิ๊วอินชั้นวางทีวี ฯลฯ
แนะนำว่า ให้เราสอบถามเซลล์โครงการให้มั่นใจก่อนซื้อคอนโดเสมอนะคะ
กฎการดูห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างเป็นห้องที่เปิดโชว์ให้ผู้มาเยี่ยมชมเข้าออกได้ตลอดทั้งวัน จึงต้องมีกฎระเบียบการใช้งานมาควบคุมเพื่อความเรียบร้อยบ้างค่ะ โดยหลักๆ จะมีกฎพึงปฏิบัติ ดังนี้
1.นัดชมห้องกับฝ่ายขายโครงการล่วงหน้าเสมอ
2.งดการถ่ายภาพ
3.งดการใช้ห้องน้ำของห้องตัวอย่าง
4.งดการนำอาหารเข้าไปรับประทาน
5.งดนำสัตว์เลี้ยงทุกประเภทเข้าห้องตัวอย่าง
6.กรณีขโมยสิ่งของ มีโทษตามกฎหมาย
ทีนี้เราก็เดินหน้าก้าวเท้าเข้าไปชมโครงการจริงกันเลยค่ะ บรรยากาศของห้องตัวอย่างช่วยสร้างความสนุกกับการเลือกซื้อบ้านดีๆ ซักทีเหมือนกันนะคะ