fbpx

คุยอะไร? กับเซลล์คอนโด

5.30 min. Read

เวลาไปตามห้างสรรพสินค้าเพื่อจะซื้อของซักชิ้น โดยปกติแล้วนั้น…ทุกร้านค้าจะมีพนักงานต้อนรับมาดูแลให้บริการ แนะนำสินค้าไปจนถึงพาไปแคชเชียร์ชำระเงิน เป็นอันจบสิ้นกระบวนการซื้อของ การซื้อคอนโดก็มีวิธีคล้ายๆ กันค่ะ แต่จะแตกต่างกันไปซักหน่อยเรื่องสินค้าและขั้นตอนกว่าจะจบกระบวนการซื้อนี่ซิค่ะ ต้องใช้เวลาพอสมควรเลย

หากเรามีแผนจะซื้อคอนโดซักที่ แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์การซื้อมาก่อน หลายท่านอาจมีคำถามว่าจะเริ่มต้นยังไง? จะติดต่อฝ่ายขายได้ที่ไหน? แล้วคุยอะไรดี? มาทางนี้ได้เลยค่ะ อสังหา 101 จะแนะนำตัวฝ่ายขายโครงการให้ทุกท่านรู้จักกัน ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะดูแลและช่วยเหลือเราอย่างไรบ้างค่ะ

ทำความรู้จักเซลล์

ไม่ว่าแบบใดนั้น หน้าที่หลักของฝ่ายขายคือจัดหาที่อยู่อาศัยตรงกับความต้องการของลูกค้า

เซลล์หรือตัวแทนฝ่ายขายโครงการ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.Project Sales คือ พนักงานขายภายใต้บริษัทของ Developer เอง แนะนำโครงการและขายได้เฉพาะโครงการในเครือของ Developer เจ้าเดียวเท่านั้น

2.Sales Agent คือ พนักงานขายภายใต้บริษัทนายหน้ารับฝากขาย ฝากเช่า หรือ Developer ว่าจ้างบริษัทนายหน้าให้รับงานขายเป็นโครงการๆ ไป สามารถแนะนำและขายโครงการได้ทุกที่ ไม่จำกัดต้องเป็นโครงการในเครือของ Developer เจ้าใดเจ้าหนึ่งเพียงอย่างเดียว

เราจะพบเห็นเซลล์ได้ทั้ง 2 ประเภทเลยค่ะ ไม่ว่าแบบใดนั้น หน้าที่หลักของฝ่ายขายคือจัดหาที่อยู่อาศัยตรงกับความต้องการของลูกค้า ดูแลให้ข้อมูลและปิดการขายโดยมีเกณฑ์ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นตัวชี้วัดเสมอ

เซลล์มืออาชีพ

ต้องยอมรับว่าอาชีพเซลล์ในทุกธุรกิจมีเยอะมากทีเดียว เพราะเป็นอาชีพที่ให้ผลตอบแทนสูงตามผลงาน ใครขายเก่งก็รับรายได้กันเต็มๆ วงการเซลล์คอนโดเองก็เช่นกันค่ะ เราอาจมีโอกาสพบเซลล์ที่เป็นมือใหม่ชั่วโมงบินยังไม่สูงนัก หรือเซลล์มือฉมังเต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์หลากหลาย เป็นผู้แนะนำโครงการให้เราก็เป็นได้ อย่างไรแล้ว เรามาลองสังเกตุและเข้าถึงเทคนิคของเซลล์เก่งๆ กันดูซักหน่อยดีกว่าค่ะ

1.บุคลิกภาพ 

เป็นสิ่งแรกที่เราสามารถจับต้องความประทับใจแรกพบได้ค่ะ สังเกตุบุคลิกภาพที่ดีทั้งการยืน การเดิน การนั่ง ท่วงทีดูคล่องแคล่ว มีหน้าตาที่สดใส แต่งหน้านิดๆ ทรงผมเรียบร้อย ดูสะอาดสะอ้าน แววตาและรอยยิ้มพร้อมต้อนรับลูกค้าผู้มาเยือนตลอดเวลา บุคลิกภาพที่ดีส่งเสริมให้ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น

ความประทับใจก็เหมือนเปิดประตูบานแรก ที่จะสร้างความไว้วางใจได้นะคะ

2.การแต่งกาย

เราสามารถสังเกตุจากความเรียบร้อยและสภาพของเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า ที่สวมใส่ทุกอย่างเข้ากัน เซลล์คอนโดโครงการใหญ่ๆ มักจะแต่งชุดเครื่องแบบยูนิฟอร์ม อาจจะเป็นเดรสสำหรับโครงการระดับลักชูรี่ หรือเสื้อโปโลเน้นความทะมัดทะแมงตามเทรนด์สำหรับโครงการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ 

การแต่งตัวสะท้อนให้เห็นความใส่ใจลงรายละเอียดของบุคคลได้เช่นกัน หากฝ่ายขายคนไหนผ่านข้อนี้ อย่างน้อยเราก็มั่นใจได้ว่าเจอเซลล์สายเนี้ยบแล้วละคะ

www.unsplash.com

Google AdSense

3.การเจรจา

เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ทางความรู้สึกเป็นอันดับแรกค่ะ เซลล์มืออาชีพจะมีวาจาสุภาพ น้ำเสียงเป็นมิตร เป็นผู้รับฟังความต้องการของเราในฐานะลูกค้า จับจุดตรงประเด็น จนถึงสามารถคิดวิเคราะห์และให้ข้อมูลโครงการตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม  

ลำดับต่อมาเราสามารถจับต้องความคิดและความรู้ในโปรดักส์ได้จากการพูดคุยค่ะ สังเกตุวิธีตอบคำถาม ถ้าเซลล์สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน มั่นใจ ทำการบ้านมาอย่างดี แบบถามได้ตอบได้ ให้คำปรึกษา มีเหตุผลรองรับ กรณีเช่นนี้สมควรให้ A+ เลยค่ะ อย่างน้อยเราก็มั่นใจได้ว่าเซลล์คนนี้รู้ลึกรู้จริง สร้างความน่าเชื่อถือได้ไม่น้อย 

เซลล์มืออาชีพจะมีวาจาสุภาพ น้ำเสียงเป็นมิตร เป็นผู้รับฟังความต้องการของเราในฐานะลูกค้า

4.รู้จักคู่แข่ง

เราสามารถสอบถามข้อมูลจากเซลล์ หากเราสนใจคอนโดมากกว่าหนึ่งที่ในทำเลเดียวกัน เซลล์มืออาชีพจะรู้จักข้อมูลคู่แข่งโดยรอบด้วย เพื่อเปรียบเทียบหาสิ่งใดที่ได้เปรียบกว่าหรือเสียเปรียบกว่าอย่างมีชั้นเชิง จากนั้นเราถึงค่อยประเมินดูว่า ข้อมูลที่เซลล์ให้และข้อมูลที่เราถืออยู่นั้นตรงกันหรือไม่ หรือพิสูจน์โดยการสำรวจโครงการทุกที่ให้หมดก่อน แล้วจึงตัดสินใจเลือกซื้อค่ะ

5.มองโลกแง่ดี

ปัจจัยนี้สะท้อนถึงทัศนคติที่ดีเยี่ยมของเซลล์คอนโดค่ะ หากเราพิจารณาปัจจัยการซื้อจนครบถ้วนทุกอย่างแล้ว เซลล์มืออาชีพจะเห็นถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลักและช่วยเหลือลูกค้าเพื่อให้สำเร็จผลอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ว่าสุดท้ายเราจะตัดสินใจเลือกโครงใดก็ตามแต่ จะได้รับการตอบรับและการให้ข้อมูลด้วยความเต็มใจอยู่เสมอค่ะ

เหตุผลการซื้อขายคอนโดหลายๆ ครั้งเกิดจากความไว้ใจและติดตามเซลล์ ไม่ซื้อโครงการนี้แต่ตามไปซื้อโครงการนั้น ก็พบเห็นประจำนะคะ

www.behance.net

แล้วต้องคุยอะไร? กับเซลล์คอนโด

หากเรายังไม่มีประสบการณ์ซื้อขายคอนโดที่ไหนมาก่อน ไม่ต้องประหม่าไปค่ะ อสังหา 101 ได้รวบรวมข้อมูล 9 ขั้นตอนการซื้อคอนโดไว้ให้ทุกท่านเข้าใจภาพรวมแล้ว ส่วนสเต็ปการสนทนากับฝ่ายขายมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ขอบอกเล่าดังนี้ค่ะ

นัดหมาย

ปกติการเข้าเยี่ยมชมคอนโดนั้น โครงการใหญ่ๆ จะสงวนสิทธิ์นัดล่วงหน้าเท่านั้นค่ะ กรณีวอร์คอินเข้าไป อาจเจอจังหวะไม่ดีที่เซลล์ติดลูกค้าท่านอื่นที่นัดมาก่อนแล้ว ทำให้ต้องเสียเวลารอ จึงแนะนำว่าเราควรโทรเข้าไปสอบถามตามเบอร์ติดต่อโครงการและนัดล่วงหน้าจะดีที่สุดค่ะ

แนะนำตัว

เริ่มต้น เซลล์จะเปิดฉากแนะนำตัวเองให้เรารู้จัก โดยหน้าที่แล้วเซลล์จะเป็นผู้ดูแลเราไปจนจบกระบวนการ ตั้งแต่การจองจนถึงขั้นตอนโอนกรรมสิทธิ์เลยค่ะ ถือว่าเรื่องที่ดีเพราะเราจะประสานงานแค่บุคคลเดียว ไม่ปวดหัวเปลี่ยนคนคุยหลายคนหลายเรื่องแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้บาง Developer ก็แยกฝ่ายขายกับฝ่ายโอนกรรมสิทธิ์ออกจากกัน เพื่อดูแลลูกค้าเฉพาะทางไปเลยตามแต่นโยบายค่ะ  

ขั้นตอนเจรจากับฝ่ายขายไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยค่ะ เสมือนพูดคุยค้นหาสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเรา

ถามตอบ

คำถามที่เซลล์ต้องทราบและเราต้องตอบ คือ งบประมาณและจำนวนห้องนอนที่ต้องการค่ะ เพื่อเซลล์จะได้คัดสรรห้องชุดที่เข้าข่ายมาเสนอแก่เรา โดยอาจจะมีมากกว่า 1 ห้อง เปลี่ยนมุมเปลี่ยนชั้นกันไปเพื่อเป็นตัวเลือก ดังนั้นก่อนเข้าไปคุยกับฝ่ายขาย เตรียมคำตอบเหล่านี้ให้ตัวเองก่อนนะคะ

ถัดไปเราสามารถสอบถามพูดคุยประเด็นหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเราภายในตัวโครงการและนอกโครงการ เช่น ที่จอดรถ การเดินทาง ส่วนกลาง ห้างร้านใกล้เคียง ฯลฯ 

ที่สำคัญ คือ ราคาห้อง โปรโมชั่น(ถ้ามี) และค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อประเมินกำลังทรัพย์ของเราค่ะ

ติดตามลูกค้า

เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของเซลล์ ที่ต้องติดตามผลลัพธ์ สอบถามความคืบหน้า หรือนัดหมายกำหนดการเข้าชมโครงการครั้งต่อไป ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับเราแล้วค่ะ ถ้าถูกใจจะเข้าชมโครงการหรือจะพูดคุยราคากันอีกครั้งก็ได้ หรือถ้ายังไม่โดนใจ ก็สามารถแจ้งเซลล์ได้เลย ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจ เพื่อที่เซลล์จะได้เก็บข้อมูลของเราไว้ เพื่อแนะนำโครงการอื่นๆ ที่เหมาะสมในอนาคตต่อไปค่ะ

ขั้นตอนเจรจากับฝ่ายขายไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยค่ะ เสมือนพูดคุยค้นหาสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเรา อีกทั้งเจ้าหน้าที่โครงการจะคอยแจ้งข้อมูลที่จำเป็น สิ่งที่ต้องใช้หรือจัดเตรียม เพื่อให้เราสามารถซื้อขายคอนโดได้อย่างราบรื่นค่ะ

เริ่มต้นเข้าใจรายละเอียดจากเรื่องเล็กๆ ก็ช่วยให้ “ดูรู้ อยู่เป็น” เช่นกันนะคะ




Copy link