ไปดูคอนโดครั้งแรก สังเกตุอะไรบ้าง?
เมื่อเราเริ่มสนใจซื้อคอนโดซักที่และค้นหาข้อมูลโครงการที่เหมาะๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ขั้นต่อไปเราจะเดินหน้าเข้าสู่สนามจริงโดยการเข้าเยี่ยมชมโครงการจริง ณ สถานที่จริงกันค่ะ แต่อย่างไรเราควรเตรียมพร้อม ทำการบ้านซักนิดว่ามีองค์ประกอบสำคัญๆ อะไรบ้างที่เราสามารถสังเกตุได้ และนำมาคิดวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด ดังนี้
1.ทำเลและสถานที่ตั้งของโครงการ
เรื่องนี้สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่สุดค่ะ โดยเฉพาะการเข้าถึงของคมนาคมขนส่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า (BTS) รถใต้ดิน (MRT) รถสาธารณะ เรือ รถไฟ ต่างๆ ล้วนเป็นตัวชูโรงสำหรับการตัดสินใจเลือกความสะดวกของการเดินทางเป็นหลัก อย่าลืมว่าคนกรุงเทพใช้เวลาบนท้องถนนเฉลี่ย 2-4 ชั่วโมงต่อวันกับการจราจรที่แน่นขนัด ยังไม่รวมเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ อย่างฝนตกหนัก อุบัติเหตุ ปิดการจราจร การประท้วง แข่งกีฬา ฯลฯ กว่าจะกลับถึงบ้านแทบจะหมดพลังงาน
หลังจากศึกษาสถานที่ตั้งมาอย่างดีแล้ว ก็ทดลองเดินทางจากคอนโดไปที่ทำงานซักนิด ว่าใช้เวลาไปกลับกี่นาที อาจเปรียบเทียบรถยนต์ส่วนตัวกับรถไฟฟ้าหรือรถสาธารณะบ้าง แล้วคำนวนว่าแตกต่างกันกี่นาที มีเส้นทางลัดใดๆบ้างหรือไม่ สำรวจตามช่วงเวลาเข้าทำงานและเลิกงานจริง น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนที่สุดค่ะ
ยิ่งตอนนี้เส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเริ่มก่อสร้างและเปิดบริการสถานีใหม่ๆ คลอบคลุมพื้นที่กรุงเทพรอบในและออกสู่ชานเมืองรอบนอกมากขึ้น สายสีแดง สายสีเขียว สายสีทอง ฯลฯ ทำเลใหม่ๆเหล่านี้ช่วยเพิ่มตัวเลือกให้เราเช่นกันค่ะ
การเลือกที่อยู่อาศัยทำเลดี สามารถช่วยประหยัดเวลาไปทำสิ่งอื่นได้มาก
2.สิ่งแวดล้อมรอบโครงการ
เพราะชีวิตเมืองกรุงล้วนแต่มีความเร่งรีบ อย่าลืมสอดส่องมองหาแหล่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียง จำพวกห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เกต โรงเรียน อาคารสำนักงาน เส้นทางด่วน เส้นทางจราจร โรงพยาบาล สถานีดับเพลิง สถานีตำรวจ ว่าโครงการที่เราสนใจตั้งอยู่บริเวณละแวกเดียวกันนี้บ้างหรือเปล่า
บางคอนโดประกาศว่าอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ แต่สถานที่จริงกลับตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับห้างสรรพสินค้าโดยมีสี่แยกใหญ่ขวางอยู่ เราอาจต้องเดินข้ามถนน ข้ามสะพานลอย หรือต้องลำบากหาทางกลับรถก็เป็นได้ ในกรณีเช่นนี้ไม่ถือว่าโครงการประกาศอะไรหลอกลวงนะคะ เพราะตั้งอยู่ใกล้แหล่งจริงๆ เพียงแต่มีถนนใหญ่กั้นอยู่ ซึ่งทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและความสะดวกของลูกค้าเองว่ายอมรับได้หรือไม่ หรืออาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
และที่สำคัญ อย่าลืมเดินสำรวจตรอกซอกซอยในย่านนั้นๆ เพื่อดูลักษณะผู้คนท้องที่และความปลอดภัยของพื้นที่มากน้อยอย่างไรนะคะ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้หลายๆคอนโด ได้ริเริ่มให้มีร้านค้า รีเทลชั้นนำต่างๆ ร้านกาแฟแบรนด์ดัง ตลอดจนร้านซักอบรีด ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของคอนโด เพื่อให้ลูกบ้านสะดวกในการใช้ชีวิตและพักผ่อนที่สุด ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยค่ะ
3.บุคคลากรที่ท่านได้พบ
เมื่อเราเข้าไปยังพื้นที่ของโครงการ หากไล่เรียงตั้งแต่ด่านแรก เริ่มตั้งแต่การต้อนรับและวิธีการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รปภ.ต่อบุคคลภายนอกอย่างเรานั้นเป็นอย่างไร ควรแลกบัตร บอกเส้นทางจอดรถ วาจา สิ่งเหล่านี้ก็แสดงถึงความใส่ใจและวิธีการจัดการที่ดีของโครงการค่ะ
ถัดมาเราจะพบกับฝ่ายขาย ให้สังเกตุดูจากวิธีการต้อนรับ การบริการและการสนทนาต่างๆ เช่น ตอบคำถาม แนะนำข้อมูล ความรู้เรื่องคู่แข่ง ว่าคล่องแคล่วหรือท่องตามสคริปต์ ปฏิบัติการที่ฉับไวและเข้าใจความต้องการของเราได้อย่างถูกจุดหรือไม่ จะบ่งชี้ความมืออาชีพและการเทรนบุคลากรในองค์กรอย่างทั่วถึงของ Developer ได้อย่างดี และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างเราเหมือนกันนะคะ
ต่อมาลองสอบถามเรื่องบริษัทนิติบุคคลว่าเป็นบริษัทใด เยี่ยมเยียนดูเจ้าหน้าที่และห้องนิติฯ อาจพูดคุยเรื่องทั่วไปของการอยู่อาศัย เช่น วิธีจ่ายค่าน้ำค่าไฟ หรือมีรถหลายคันมาจอดได้มั้ย ฯลฯ เพื่อประเมินศักยภาพการทำงานคร่าวๆ ว่าเมื่อเราซื้อคอนโดและย้ายเข้ามาอยู่แล้วนั้น ในระยะยาวเจ้าหน้าที่นิติฯ จะสามารถบริหารอาคารให้บุคคลที่อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมากในอาคารเดียวกันนั้น อยู่ร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างไร
จบท้ายเราอาจมีโอกาสได้เห็นลูกบ้านท่านอื่นๆที่ใช้ชีวิตในคอนโดอยู่ก่อนแล้ว สังเกตุดูซักนิดเพื่อจะได้รู้จักสังคมของเพื่อนบ้านเราในอนาคตค่ะ
4.ห้องตัวอย่าง
ปกติแล้วโครงการจะมีห้องตัวอย่างจัดเตรียมไว้สำหรับโชว์ให้ผู้สนใจจะซื้อคอนโดสามารถเข้าเยี่ยมชม เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศจริง โดยฝ่ายขายจะเป็นผู้พาเราไปดูและอธิบายสิ่งต่างๆ ภายในห้อง ในสถานที่นี้ เราจะพบกับคุณภาพของงานก่อสร้าง ลักษณะของวัสดุและสิ่งของที่โครงการเลือกใช้ว่ามีความแข็งแรงทนทาน ความสวยงามและรสนิยม การวางผังห้องและเฟอร์นิเจอร์นั้นสอดคล้องกับความเป็นอยู่จริงได้หรือไม่
เราควรดูห้องตัวอย่างให้ละเอียด แล้วเปรียบเทียบกับห้องจริงที่เราสนใจจะซื้อ ว่ามีสิ่งใดแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพราะปกติแล้ว Developer จะสร้างห้องตัวอย่างให้สวยงาม และใส่การตกแต่งเข้าไปเพิ่มอย่างหลากหลาย แต่มาตรฐานห้องที่ขายนั้นไม่ได้รวมถึงการตกแต่งใดๆเข้าไปด้วย เช่น วอลเปเปอร์ ม่าน หรือพร๊อพต่างๆ ดังนั้นเราต้องสอบถามฝ่ายขายอย่างชัดเจนว่าโครงการให้อะไรบ้างค่ะ
เมื่อแวะห้องตัวอย่างแล้ว ลองมาดูห้องว่างที่ฝ่ายขายเสนอขายเราซักหน่อย ลองสอดส่องทิศทางสภาพแวดล้อมผ่านหน้าต่างห้องเราเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยนะคะ ว่ามีตึกสูงอาคารอะไรบดบังสายตาหรือไม่ หรือรั้วกำแพงติดแนบชิดกับบ้านเก่าในพื้นที่ข้างๆ จนเราจะขาดความเป็นส่วนตัวไปหรือเปล่า ถ้าพบแบบนี้แล้วไม่ถูกใจเท่าไหร่นัก ก็แจ้งฝ่ายขายหาห้องอื่นเปรียบเทียบก็ได้ค่ะ
5.พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ
เมื่อชมห้องตัวอย่างเสร็จสิ้นแล้ว อย่าลืมแจ้งขอฝ่ายขายพาชมพื้นที่ส่วนกลางด้วยนะคะ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางภายในโครงการ จะช่วยกระตุ้นคุณภาพชีวิตและยกระดับความเป็นอยู่พื้นฐานของเราอย่างแท้จริง ข้อนี้ถือว่าเป็นจุดขายที่หลาย Developer แข่งขันกันเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้ครบวงจรที่สุดก็ว่าได้ค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางที่พบเห็นบริการส่วนใหญ่ คือ สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องประชุม Co-working space สวนสีเขียว คลับเลานจ์ ลานจอดรถ หรือแม้กระทั่ง ล็อบบี้ ป้อมยาม กล้องวงจรปิด ก็ถือว่าเป็นส่วนกลางประเภทหนึ่ง ที่ลูกบ้านทุกคนมีสิทธิ์ใช้และรับบริการร่วมกันค่ะ
หากสภาพโดยรวมของพื้นที่ส่วนกลางเรียบร้อย สวยงาม ได้รับการบำรุงดี มีแม่บ้านปัดกวาดทำความสะอาด เจอช่างเดินตรวจตรา ถือว่าไฟเขียวผ่านให้เลยค่ะ แต่ถ้าสภาพทรุดโทรม พังชำรุด สกปรก อาจต้องพิจารณาถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจนะคะ เพราะอาคารอาจติดประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการบริหารก็เป็นได้
อสังหา 101 แนะนำว่าค่อยๆ คิดไตร่ตรองและเปรียบเทียบดูโครงการหลายๆ ที่ แล้วลิสต์ข้อได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละที่ที่สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ของเราเองก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจเลือกในที่สุดค่ะ เพราะอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ราคาบาทสองบาท
หากมีข้อสงสัยใดๆ อสังหา 101 ยินดีให้คำปรึกษากับผู้สนใจเริ่มต้นอยู่คอนโดให้ “ดูรู้…อยู่เป็น”ทุกท่านค่ะ