สำรวจทำเลคอนโด อย่างไร? ให้อยู่รอดและปลอดภัย
หากเราคิดจะย้ายบ้านใหม่หรือซื้อคอนโดที่ไหนซักแห่ง เพื่อความสะดวกในการอยู่อาศัยและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า สิ่งแรกที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกทำเลค่ะ
สอดคล้องกับที่อสังหา 101 ได้สรุปกระบวนการซื้อคอนโด 9 ขั้นตอนไว้ โดยเริ่มต้นขั้นตอนที่ 2 ว่าด้วยการดูสถานที่ ซึ่งประกอบไปด้วยสถานที่ตั้งโครงการ สิ่งแวดล้อมรอบโครงการ บุคลากร ห้องตัวอย่าง และพื้นที่ส่วนกลาง ในขั้นตอนการดูทำเลสถานที่นี้เอง ปัจจัยต่อเนื่องที่ไม่สำรวจไม่ได้เลย คือ “สิ่งแวดล้อม” และ “ความปลอดภัย” ของรอบโครงการค่ะ
ปัจจัยต่อเนื่องที่ไม่สำรวจไม่ได้เลย คือ “สิ่งแวดล้อม” และ “ความปลอดภัย” ของรอบโครงการ
หากแจกแจงให้มากขึ้น สิ่งแวดล้อมที่เห็นได้ชัดจากภายนอกโครงการ คือ ลักษณะตรอกซอกซอย เส้นทางถนน ชุมชนในละแวก ตึกอาคารห้องแถว ห้างร้านค้า คมนาคมขนส่ง ฯลฯ ส่วนสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ คือ บรรยากาศความน่าอยู่และพร้อมใช้งานของพื้นที่ส่วนกลาง ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ ลานจอดรถ ฯลฯ แม้กระทั่งสังคมผู้อยู่อาศัยที่นั่นเป็นอย่างไร
ฟังดูเห็นภาพได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ…ดังนั้น หากเราอยากใช้ชีวิตในสถานที่ที่สงบสุขอยู่รอดปลอดภัย เรามาสำรวจทำเลก่อนจะตัดสินใจซื้อคอนโดตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้กันค่ะ
1. ทำ Checklist
เริ่มต้นทำเช็กลิสสถานที่ที่เราต้องไปมาประจำ เช่น สถานีรถไฟฟ้า ออฟฟิศทำงาน ซุปเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด ธนาคาร โรงพยาบาล สวนสาธาณะ ลองทำลิสต์รายการและสำรวจดูว่าระยะทางใกล้ไกลโครงการมากน้อยเพียงใด มีทุกอย่างครบครันให้เราสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้หรือไม่
ที่สำคัญ คือ สิ่งแวดล้อมรอบๆโครงการภายนอก ช่วยเราวางแผนค่าครองชีพได้ หากโครงการตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท ค่าครองชีพจะค่อนข้างสูงแบบอาหารจานละร้อย แต่หากตั้งห่างออกมาย่านอารีย์ ค่าครองชีพจะอยู่ระดับกลางสามารถเจอร้านตึกแถวข้างทางมากขึ้น และหากตั้งอยู่กรุงเทพรอบนอกค่าครองชีพก็จะถูกลงลดหลั่นลงมา
อย่างไรก็ตาม คอนโดยุคนี้เกาะแนวรถไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งได้สร้างความเจริญให้แก่พื้นที่อย่างมาก แม้ว่าทำเลที่เราเลือกอาจไม่ใช่ตัวเมืองรอบใน แต่ก็ใช่ว่ารอบนอกจะไม่น่าสนใจแต่อย่างใดนะคะ ถึงแม้บางทำเลจะไม่ครบตามเช็กลิส แต่หากไม่กระทบการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเราก็ไม่เป็นไรค่ะ เลือกสถานที่ที่สะดวกและเหมาะสมกับเราที่สุดก็พอค่ะ
สิ่งแวดล้อมรอบๆ โครงการภายนอก ช่วยเราวางแผนค่าครองชีพได้
2. ทดลองเดินทาง
เมื่อมีเช็กลิสสถานที่ต่างๆ แล้ว ต่อไปเรามาทดลองประเมินเวลาการเดินทางกันค่ะ จุดหลัก คือ สถานที่ทำงาน ปกติแล้วคนเราทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ ใช้เวลาบนท้องถนนเฉลี่ย 2-4 ชั่วโมงต่อวัน และเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกย้ายมาอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้าก็เพื่อลดเวลาการเดินทางให้น้อยลง
วิธีการ คือ ดูเส้นทางการเดินทางจากโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้า สามารถเดินได้ทุกสภาพอากาศหรือไม่ ไม่ว่าจะร้อนหรือจะฝน และห่างจากสถานีปลายทางเท่าไหร่ เพื่อจับเวลาการเดินทางและคำนวนค่าเดินทางได้คร่าวๆ หรือหากเป็นจุดอื่นๆ เช่น ห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร เราหากินสะดวกได้ตลอดทั้งวันหรือไม่ เดินได้รึป่าว จำเป็นต้องขับรถ นั่งวินมอเตอร์ไซค์ หรือใช้บริการเดลิเวอรี่มั้ย เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันเหล่านี้ก็ควรคำนึงถึง เพื่อช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายจากการเดินทางด้วยเช่นกัน
ค่าเดินทางมีผลต่อเรื่องงบประมาณรายจ่ายต่อเดือนในระยะยาว หนึ่งในตัวเลือกทำเลคอนโดที่ดี คือ สามารถช่วยเซฟค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ค่ะ
ค่าเดินทางมีผลต่อรายจ่ายในระยะยาว ทำเลคอนโดที่ดี สามารถช่วยเซฟค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้
3. สอดส่องพื้นที่
นอกจากสำรวจสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว อย่าลืมสอดส่องพื้นที่ชุมชมข้างเคียงโดยรอบด้วยค่ะ ว่าปลอดภัยสำหรับเราและบุคคลในครอบครัวหรือไม่
สิ่งแวดล้อมโดยรอบจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ด้านความปลอดภัย เช่น ชุมชนและผู้คนพื้นที่เดิมไม่ควรมีความสุ่มเสี่ยงของแกงค์อันธพาล ไม่ควรมีมุมอับใต้ทางด่วนใต้สะพาน หรือซอยเปลี่ยวใกล้กับที่โครงการตั้งอยู่ ท้องถนนและฟุตบาทอยู่ในสภาพใช้งานได้ให้ผู้คนสัญจรได้อย่างปลอดภัย ไร้มอเตอร์ไซค์ฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้า เป็นต้น
4. ดูเวลา
ต่อเนื่องจากสอดส่องพื้นที่ ให้เราลองประเมินการเดินทางแต่ละช่วงเวลาเพื่อความสะดวกและปลอดภัยด้วยนะคะ หลายสถานที่ช่วงกลางวันคึกคัก มีรถผ่านแน่นขนัด แต่กลางคืนกลับไร้ผู้คนจนไม่สามารถเดินผ่านได้เลย
เราไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจซื้อคอนโดในครั้งแรกที่ไปชมโครงการแต่อย่างใดนะคะ อย่างไรซะบ้านเป็นของมีมูลค่า ค่อยๆ ดูค่อยๆ เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ วนเวียนกลับไปดูโครงการคละช่วงเวลากันบ้างเพื่อเปรียบเทียบหาสิ่งที่ดีที่สุดก่อนตัดสินใจค่ะ
5. ทัวร์ส่วนกลาง
ระหว่างลงสนามจริงเยี่ยมชมโครงการนั้น เราสามารถให้ฝ่ายขายพาเดินรอบๆ เพื่อเก็บข้อมูลเช็กลิสสิ่งแวดล้อมภายในได้ค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ห้องประชุม ห้องเด็กเล่น สวนหย่อม ลานจ๊อกกิ้ง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ตรงกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน ยิ่งตรงเท่าไหร่ความสนุกสุดคุ้มในโครงการก็ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเราได้อย่างดีเลยค่ะ
นอกจากนี้ ให้ถามหาระบบ Security ดูซักนิดค่ะว่าโครงการมีนโยบายรักษาความปลอดภัยอย่างไร จัดเตรียมอะไรให้บ้าง และเพียงพอหรือไม่ เช่น กล้องวงจรปิดครบทุกจุดสำคัญ มีรปภ.เดินดูความเรียบร้อย มีรั้วรอบโครงการปิดกั้นป้องกันขโมย และการแสกนบัตรผ่านเข้าออกประตูต่างๆ เป็นต้น
6. สังเกตุเพื่อนบ้าน
นอกจากเดินสำรวจชุมชมคนพื้นที่ด้านนอกแล้ว ลองสังเกตุเพื่อนบ้านร่วมโครงการซักนิด ว่าสังคมความเป็นอยู่ดูสงบและเป็นระเบียบแค่ไหนค่ะ
แต่ไม่ใช่ว่าไปสอบถามรุกรานความเป็นส่วนตัวของแต่ละท่านกันตรงๆ นะคะ แค่ลองสังเกตุลูกบ้านเดินผ่านไปผ่านมาในระหว่างเรานั่งคุยกับฝ่ายขายก็ได้ หรือสอบถามฝ่ายขายถึงกลุ่มลูกค้าโครงการและความเป็นอยู่ที่นี่แทนจะเหมาะสมกว่าค่ะ
เราไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจซื้อคอนโดในครั้งแรกแต่อย่างใด บ้านเป็นของมีมูลค่า ค่อยๆ เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ เพื่อเปรียบเทียบหาสิ่งที่ดีที่สุดก่อนตัดสินใจ
7. เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
นั่นคือ ดูวิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อเห็นศักยภาพการดูแลโครงการค่ะ เช่น รปภ.ด่านแรกของโครงการ หากเราที่เข้าชมโครงการต้องผ่านด่านรปภ.ก่อนแน่นอน ดังนั้นเราเริ่มต้นสังเกตุได้ง่ายๆ เลยค่ะ ว่าโครงการมีการแลกบัตรเข้าออกหรือไม่ เพื่อป้องกันบุคคลแปลกหน้าเข้าโครงการโดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝง การรักษากฎระเบียบเคร่งครัดและพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่
ตัวอย่างเช่นนี้ สามารถสะท้อนถึงการบริหารงานของฝ่ายนิติบุคคลว่ามีประสิทธิภาพรักษาความปลอดภัย และความสงบสุขให้โครงการมากน้อยอย่างไรค่ะ
ไหนๆ จะเสียเงินซื้อบ้านใหม่แล้ว การสำรวจทำเลรอบคอนโดซักนิด ก็ช่วยยืนยันความมั่นใจว่าอยู่รอดปลอดภัย ไร้ปัญหาบ้านๆ แบบที่อสังหา 101 แนะนำ ไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่มั้ยคะ…ลองทำตามกันดู เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าค่ะ